วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เรื่องที่ควรทราบก่อนตัดสินใจจัดฟัน

เรื่องที่ควรทราบก่อนตัดสินใจจัดฟัน
การจัดฟันนั้นนับได้ว่าเป็นกระบวนการการรักษาอย่างหนึ่งที่สำคัญและเป็นที่นิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก    การจัดฟันนับได้ว่ามีส่วนช่วยให้ฟันนั้นมีการเรียงตัวที่เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น   เมื่อกล่าวถึงส่วนประกอบทางกายวิภาคศาสตร์ของฟัน  จะพบว่าองค์ประกอบของฟันนั้นโดยปกติจะมีจำนวนฟันเเท้อยู่ที่  32 ซี่ ในส่วนของฟันมีส่วนประกอบของเนื้อฟัน คอฟัน และส่วนของรากฟัน ผิวชั้นนอกของฟันประกอบไปด้วยสารเคลือบฟันที่ช่วยปกป้องการถูกทำลายของฟัน   การที่คนเรานั้นมีการดูแลฟันได้ดี    จะช่วยลดการเกิดปัญหาภายในช่องปากและฟันได้    ปัจจุบันมีวิธีการแก้ไขเรื่องปัญหาในช่องปาก ปัญหาหนึ่งที่พบบ่อย คือ ปัญหาฟันที่ไม่เป็นระเบียบหรือผิดรูป ทำให้เกิดปัญหาการเบียดเนื้อฟัน   เหงือก เกิดปัญหาในช่องปากเรื้อรังตามมาได้
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าข้อบ่งชี้ในการจัดฟันนั้นประการสำคัญ คือ เพื่อความสวยงามและการที่มีสุขภาพที่ดีภายในช่องปากควบคู่กันไป   การจัดฟันนั้นเป็นการทำให้รูปแบบของฟันได้รูป  เนื่องจากผู้ที่มีปัญหาเรื่องฟันเกเเละมีการซ้อนทับกัน ทำให้เกิดปัญหาด้านช่องปาก  ฟันเเละเหงือก  อาจทำให้เกิดฟันผุได้
การจัดฟันนั้นมีหลากหลายวิธี   โดยแพทย์จะพิจารณาการจัดฟันขึ้นอยู่กับสุขภาพของช่องปากและฟัน   การตกลงเลือกวิธีการระหว่างผู้จัดฟันเเละทันตเเพทย์ตามข้อดีข้อเสียจากวิธีการต่างๆ   รวมทั้งปัจจัยด้านค่าใช้จ่าย การจัดฟันนั้นมีหลากหลายวิธี  มีดังต่อไปนี้
วิธีการจัดฟันแบบ  METAL
Metal Bracket Orthodontic
เป็นวิธีการจัดฟันแบบติดโลหะด้านนอก    ที่เรียกชื่อเต็มว่า  Metal Bracket Orthodontic (Braces)  นับได้ว่าเป็นวิธีที่มีความนิยมมากที่สุด  เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนมีเครื่องมือที่มีความหลากหลายในการจัดฟันเเละเป็นวิธีที่มีการใช้งานมากที่สุด  โดยมีโลหะที่แข็งแรงที่เรียกว่า   Bracket   ในการติดกับผิวฟันด้านนอก   ผ่านลวดที่ยึดติดกับเครื่องมือ Bracket  เเล้วเเพทย์จะทำการใส่ยาง   เพื่อที่จะยึดในส่วนของฟันเเต่ละซี่   ให้มีการเคลื่อนที่ไปตามทิศทางเเละตำเเหน่งที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง    เเต่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนยางที่ยึดกับฟันเเต่ละซี่ทุกๆเดือน  เพื่อเป็นการคงสภาพของการเคลื่อนของฟันและเป็นการกำหนดทิศทางของฟันในแต่ละส่วนเพื่อให้ฟันนั้นสามารถที่จะเข้ารูปไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้เร็วมากยิ่งขึ้น   ในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนยางจะมีอาการปวดมากน้อยแตกต่างกันออกไป แต่ข้อดีของ การดูแลรักษาฟันและความสะอาดของอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดฟัน คือ สามารถทำความสะอาดได้ง่ายเนื่องจากอยู่ภายนอกของตัวฟัน
– วิธีการจัดฟันแบบ   DAMON
Damon Bracket Orthodontic
เป็นรูปแบบการจัดฟันแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพ อุปกรณ์ในการจัดฟันแบบโลหะกึ่งใส   ส่วนประกอบของ  Damon Bracket Othodontic (Braces)   คือ  เครื่องมือการจัดฟันที่มีความพิเศษกว่าวิธีการแบบธรรมดาทั่วไป   เนื่องจากการที่จัดฟันด้วยวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าปกติ   เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ฟันมีการเคลื่อนสู่ตำเเหน่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น   ทั้งในส่วนของประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องมือ   DAMON  ที่สามารถใช้ได้ยาวนาน ทำให้ผู้ที่จัดฟันไม่ต้องเปลี่ยนยางทุกๆเดือน   อันเนื่องจากข้อเสียของการเสื่อมสภาพของยางที่ใช้ดึงฟันในวิธีการปกติ   โดยวิธี   DAMON  มีการพัฒนาการผลิตอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดฟัน
– วิธีการจัดฟันแบบ     INVISALIGN
invisalign Orthodontic
นับว่าเป็นการจัดฟันแบบใสที่เป็นนวัตกรรมการจัดฟันที่มีประสิทธิภาพ  ประกอบไปด้วยองค์ประกอบของวัสดุที่มี ลักษณะที่โปร่งใส  เป็นการจัดฟันที่ไม่มีอุปกรณ์ที่ติดบริเวณฟันมากนัก   โดยวิธี  INVISALIGN  จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือในการจัดฟันเป็นระยะๆ  โดยก่อนการจัดฟันจะมีการออกเเบบในเรื่องของเครื่องมือจัดฟันให้มีความใกล้เคียงและเหมาะสมกับผู้จัดฟันให้มากที่สุด แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญในการจัดฟันโดยเฉพาะ
– วิธีการจัดฟันแบบ  Lingual Orthodontic (Braces)
Lingual Orthodontic
เป็นการจัดฟันแบบมีอุปกรณ์ติดอยู่ด้านใน   เป็นการจัดฟันที่ผู้อื่นนั้นไม่สามารถที่จะมองเห็นรูปแบบการจัดฟันได้เลย   จึงทำให้ไม่เป็นที่สังเกตได้อย่างเด่นชัด  แต่วิธีการจัดฟันแบบ  Lingual Orthodontic นับเป็นวิธีที่ยาก   เนื่องจากต้องมีการใช้อุปกรณ์ที่พิเศษ  เพื่อทำการยึดติดที่บริเวณด้านในของฟันที่เป็นบริเวณที่แคบและยุ่งยาก    เพื่อช่วยให้เครื่องมือเกิดความคงทนเเละสามรถที่จะจัดฟันได้ประสบผลสำเร็จ   กระบวนการในการติดเครื่องมือในการจัดฟันนั้นยากกว่าทำให้การจัดฟันเมื่อเทียบกับวิธีการปกติ เเละการจัดฟันวิธีนี้เสียค่าใช้จ่ายมากกว่า  รวมทั้งใช้ระยะเวลานานกว่า   ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทันตแพทย์ที่ได้รับอนุญาตด้านการจัดฟันเฉพาะทาง

สำหรับสิ่งที่สำคัญที่ผู้จัดฟันต้องเตรียมความพร้อมก่อนการจัดฟันนั้นมีข้อกำหนดหลากหลายประการดังต่อไปนี้
การเตรียมความพร้อมทางด้านสุขภาพและโรคประจำตัว
โดยผู้ที่ต้องการจัดฟันควรมีสุขภาพดี ไม่มีโรคติดต่อหรือมีโรคประจำตัวที่ทำให้เกิดปัญหาต่อการจัดฟัน   หรือในผู้ที่บางรายที่เสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้ง่าย หรือการรับประทานยาละลายลิ่มเลือดที่ส่งผลต่อการเกิดเลือดออกได้ง่ายระหว่างการจัดฟันควรแจ้งทันตแพทย์    นอกจากนี้ควรมีการแจ้งรายละเอียดในการเเพ้ยาให้แพทย์ทราบ    รวมทั้งอันตรายและการบาดเจ็บที่ผ่านมาจากความผิดปกติของใบหน้า  บริเวณที่มีกระดูกหักที่ใบหน้า   ไม่ว่าจะเป็นกราม  กระดูกโหนกแก้ม  เป็นต้น รวมทั้งการรักษาที่ผ่านมา  เช่น  การใส่เหล็กเพื่อยึดกระดูกที่บริเวณใบหน้า   เพื่อความปลอดภัยของผู้จัดฟัน รวมทั้งผู้ที่จัดฟันควรดูแลไม่ให้ตนเองเกิดโรคเรื้อรังต่างๆที่ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากตามมา
การเตรียมความพร้อมของสุขภาพภายในช่องปาก
การเตรียมความพร้อมของสุขภาพภายในในช่องปากเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ   โดยผู้ที่จะจัดฟันจะต้องมีการดูเเลความสะอาดเเละจัดการปัญหาในช่องปากเสียก่อน  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฟันผุ คราบหินปูน การอุดฟัน ถอนฟัน หรือการรักษารากฟัน  เพื่อให้ฟันนั้นอยู่ในสภาพที่ดีและแข็งแรงมากที่สุดก่อนการจัดฟันรวมทั้งการดูแลไม่ให้เกิดโรคเรื้อรังในช่องปาก การดูแลเหงือกไม่ให้เกิดปัญหาในช่องปากที่จัดการได้ยาก  เมื่อมีการจัดฟันแล้ว โดยทันตแพทย์จะมีการตรวจฟันโดยละเอียดก่อนการจัดฟัน   เพื่อเป็นการประเมินความผิดปกติและแนะนำให้ทำการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อลดการเกิดปัญหาภายในช่องปากที่ลุกลามตามมา
การเตรียมพร้อมด้านภาพลักษณ์และการใช้ชีวิตประจำวัน
ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดฟันในเรื่องของภาพลักษณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น  การเกิดปัญหาหารพูด ทำให้พูดไม่ค่อยชัดเมื่อมีการติดเครื่องมือในระยะแรก   การรับประทานอาหารที่ไม่สะดวก  เคี้ยวได้ช้าลง  เศษอาหารติดฟันง่ายขึ้น  การมีปัญหากลิ่นปากสะสม รวมทั้งการเกิดบาดแผลในช่องปากได้ง่ายมากยิ่งขึ้น   เนื่องจากในระยะเเรกผู้จัดฟันจะมีอาการเจ็บเมื่อมีการใส่ยางแยกฟัน  หรือการเปลี่ยนยางในแต่ละเดือน   รวมทั้งอาจรบกวนในบางช่วงวัย  เช่น  เด็กในวัยเรียนอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้มาก   เนื่องจากแรงดึงในการจัดฟัน ทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้สิ่งที่เป็นปัญหาในการจัดฟันในปัจจุบันนั้น คือ การหลีกเลี่ยงการจัดฟันแฟชั่น การจัดฟันแฟชั่นนั้นเป็นการใช้เครื่องมือการจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน  การจัดฟันที่ใช้อุปกรณ์ในการจัดฟันที่ไม่มีคุณภาพ   รวมทั้งมีการปนเปื้อนสารเคมีที่มีการหลุดลอกเมื่อมีการสัมผัสกับอาหรที่มีความเป็นกรดด่าง ความร้อนความเย็น   โลหะหนักต่างๆที่ทำอันตรายต่อร่างกาย   เช่น  ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู เป็นต้น รวมทั้งการเกิดสนิมที่ลวดยึดฟัน  ผลเสียจึงเกิดในส่วนที่ประกอบเป็นอุปกรณ์ในการเลียนแบบ   ส่งผลเสียให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก เกิดปัญหาสุขภาพและฟันเรื้อรังได้ เช่น  การเกิดแผล ฟันผุ การที่ฟันล้ม การจัดเรียงของฟันนั้นมีความผิดปกติเกิดขึ้น  ทำให้เกิดอาการเสียวฟัน  เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการจัดฟันที่ไม่ได้คุณภาพ  การจัดฟันอาจเกิดผลเสียทำให้ฟันนั้นล้มได้ง่าย   เเต่ทั้งนี้ขึ้นกับการดูแลและการใส่ Retener อย่างต่อเนื่อง   รวมทั้งการดูแลสุขภาพในช่องปากเเละฟันให้ดีอยู่อย่างสม่ำเสมอ  ควรหลีกเลี่ยงการกัดอาหารที่แข็งและเหนียวที่อาจส่งผลให้อุปกรณ์ที่ติดเครื่องมือเสียหายได้

ค่าใช้จ่ายต่างๆของการจัดฟัน
โดยส่วนใหญ่แล้วมักพบการจัดฟันก่อนการทำศัลยกรรมใบหน้า  เพื่อเป็นการทำให้รูปหน้านั้นมีความเข้าที่ เช่นก่อนการเสริมจมูก หรือการปรับรูปหน้าคางให้เรียว  โดยผลส่วนใหญ่ของการจัดฟันที่อาจเป็นได้ คือ การทำให้น้ำหนักลดในระยะแรกเนื่องจากการรับประทานอาหารลำบาก   การมีรูปหน้าที่เรียวขึ้น  แต่ในบางรายอาจมีปัญหาเรื่องของอาการเสียวฟันได้หลังการจัดฟัน   นอกจากนี้ในส่วนของราคาค่าใช้จ่ายในการจัดฟันจะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ ที่ใช้   วิธีการ และการเตรียมความพร้อมภายในช่องปาก    โดยการจัดฟันโดยใช้เครื่องมือแบบถอดได้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-10,000 บาท   การจัดฟันโดยใช้เครื่องมือติดแน่นแบบโลหะราคาจะอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 บาท     ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกตามความเหมาะสม
โดยในส่วนค่าใช้จ่ายส่วนแรกของการจัดฟันนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนย่อย ไม่ว่าจะเป็นการอุดฟัน  มีทั้งแบบการอุดฟันชั่วคราว ราคายู่ที่ประมาณ 200-300 บาท    อุดฟันแบบสีเหมือนฟันราคายู่ที่ประมาณ   500-1,000  บาท         การถอนฟันราคาอยู่ที่ 400-800 บาท  การขูดหินปูนประมาณ 500-1,000 บาท      ในส่วนของรายละเอียดในการพิมพ์แบบฟันในครั้งแรกเพื่อที่แพทย์จะทำการประเมินสภาพของฟันอยู่ที่ราคาประมาณ 1,000 บาท    การเอ็กซเรย์รูปฟัน ( Cephalogram )  2 ฟิล์มราคาอยู่ที่  800-1,000 บาท  ค่าใช้จ่ายในการทำประวัติ 1,000 บาท
การเริ่มต้นติดเครื่องมือจัดฟันในครั้งแรกทั้งฟันบน และฟันล่าง ราคาอยู่ที่ 13,000 บาท และจะมีการติดตามอาการเพื่อเปลี่ยนยางและลวดยึดที่ฟัน ชำระค่ารักษาเดือนละ  1 ครั้งๆ ละประมาณ 1,000 บาท    ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใส่รีเทนเนอร์ (Retainer)ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใส่หลังจัดฟันเสร็จเพื่อเป็นการคงรูปแบบการจัดเรียงตัวฟัน   2 ชิ้น ฟันบน, ล่าง รวมประมาณ   3,000- 4,000 บาท โดยราคาที่กล่าวมาข้างต้นอยู่ที่การกำหนดของสถานพยาบาลแต่ละแห่งอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย   และระยะเวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ในการจัดฟันอยู่ที่ 3-5 ปี  ตามแต่สภาพปัญหาฟันของแต่ละบุคคลว่ามีความยากง่ายเพียงใด
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญในการจัดฟัน   จึงต้องมีการคำนึงถึง ความพร้อมในด้านต่างๆทั้งสุขภาพช่องปากและฟัน  ค่าใช้จ่าย  และควรเลือกสถานบริการในการจัดฟันโดยผู้เชี่ยวชาญในการจัดฟันเฉพาะทาง  (Orthodontic   specialist ) เพื่อลดการเกิดปัญหาสุขภาพปากและฟันตามมาได้   นอกจากนี้การตรวจตามนัดทุกครั้งโดยผู้จัดฟันต้องมีวินัยเป็นหลักสำคัญ  เพื่อให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น