เรื่องที่ควรทราบก่อนตัดสินใจจัดฟัน
การจัดฟันนั้นนับได้ว่าเป็นกระบวนการการรักษาอย่างหนึ่งที่สำคัญและเป็นที่นิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก การจัดฟันนับได้ว่ามีส่วนช่วยให้ฟันนั้นมีการเรียงตัวที่เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น เมื่อกล่าวถึงส่วนประกอบทางกายวิภาคศาสตร์ของฟัน จะพบว่าองค์ประกอบของฟันนั้นโดยปกติจะมีจำนวนฟันเเท้อยู่ที่ 32 ซี่ ในส่วนของฟันมีส่วนประกอบของเนื้อฟัน คอฟัน และส่วนของรากฟัน ผิวชั้นนอกของฟันประกอบไปด้วยสารเคลือบฟันที่ช่วยปกป้องการถูกทำลายของฟัน การที่คนเรานั้นมีการดูแลฟันได้ดี จะช่วยลดการเกิดปัญหาภายในช่องปากและฟันได้ ปัจจุบันมีวิธีการแก้ไขเรื่องปัญหาในช่องปาก ปัญหาหนึ่งที่พบบ่อย คือ ปัญหาฟันที่ไม่เป็นระเบียบหรือผิดรูป ทำให้เกิดปัญหาการเบียดเนื้อฟัน เหงือก เกิดปัญหาในช่องปากเรื้อรังตามมาได้
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าข้อบ่งชี้ในการจัดฟันนั้นประการสำคัญ คือ เพื่อความสวยงามและการที่มีสุขภาพที่ดีภายในช่องปากควบคู่กันไป การจัดฟันนั้นเป็นการทำให้รูปแบบของฟันได้รูป เนื่องจากผู้ที่มีปัญหาเรื่องฟันเกเเละมีการซ้อนทับกัน ทำให้เกิดปัญหาด้านช่องปาก ฟันเเละเหงือก อาจทำให้เกิดฟันผุได้
การจัดฟันนั้นมีหลากหลายวิธี โดยแพทย์จะพิจารณาการจัดฟันขึ้นอยู่กับสุขภาพของช่องปากและฟัน การตกลงเลือกวิธีการระหว่างผู้จัดฟันเเละทันตเเพทย์ตามข้อดีข้อเสียจากวิธีการต่างๆ รวมทั้งปัจจัยด้านค่าใช้จ่าย การจัดฟันนั้นมีหลากหลายวิธี มีดังต่อไปนี้
–วิธีการจัดฟันแบบ METAL
เป็นวิธีการจัดฟันแบบติดโลหะด้านนอก ที่เรียกชื่อเต็มว่า Metal Bracket Orthodontic (Braces) นับได้ว่าเป็นวิธีที่มีความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนมีเครื่องมือที่มีความหลากหลายในการจัดฟันเเละเป็นวิธีที่มีการใช้งานมากที่สุด โดยมีโลหะที่แข็งแรงที่เรียกว่า Bracket ในการติดกับผิวฟันด้านนอก ผ่านลวดที่ยึดติดกับเครื่องมือ Bracket เเล้วเเพทย์จะทำการใส่ยาง เพื่อที่จะยึดในส่วนของฟันเเต่ละซี่ ให้มีการเคลื่อนที่ไปตามทิศทางเเละตำเเหน่งที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง เเต่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนยางที่ยึดกับฟันเเต่ละซี่ทุกๆเดือน เพื่อเป็นการคงสภาพของการเคลื่อนของฟันและเป็นการกำหนดทิศทางของฟันในแต่ละส่วนเพื่อให้ฟันนั้นสามารถที่จะเข้ารูปไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้เร็วมากยิ่งขึ้น ในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนยางจะมีอาการปวดมากน้อยแตกต่างกันออกไป แต่ข้อดีของ การดูแลรักษาฟันและความสะอาดของอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดฟัน คือ สามารถทำความสะอาดได้ง่ายเนื่องจากอยู่ภายนอกของตัวฟัน
– วิธีการจัดฟันแบบ DAMON
เป็นรูปแบบการจัดฟันแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพ อุปกรณ์ในการจัดฟันแบบโลหะกึ่งใส ส่วนประกอบของ Damon Bracket Othodontic (Braces) คือ เครื่องมือการจัดฟันที่มีความพิเศษกว่าวิธีการแบบธรรมดาทั่วไป เนื่องจากการที่จัดฟันด้วยวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ฟันมีการเคลื่อนสู่ตำเเหน่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องมือ DAMON ที่สามารถใช้ได้ยาวนาน ทำให้ผู้ที่จัดฟันไม่ต้องเปลี่ยนยางทุกๆเดือน อันเนื่องจากข้อเสียของการเสื่อมสภาพของยางที่ใช้ดึงฟันในวิธีการปกติ โดยวิธี DAMON มีการพัฒนาการผลิตอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดฟัน
– วิธีการจัดฟันแบบ INVISALIGN
นับว่าเป็นการจัดฟันแบบใสที่เป็นนวัตกรรมการจัดฟันที่มีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วยองค์ประกอบของวัสดุที่มี ลักษณะที่โปร่งใส เป็นการจัดฟันที่ไม่มีอุปกรณ์ที่ติดบริเวณฟันมากนัก โดยวิธี INVISALIGN จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือในการจัดฟันเป็นระยะๆ โดยก่อนการจัดฟันจะมีการออกเเบบในเรื่องของเครื่องมือจัดฟันให้มีความใกล้เคียงและเหมาะสมกับผู้จัดฟันให้มากที่สุด แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญในการจัดฟันโดยเฉพาะ
– วิธีการจัดฟันแบบ Lingual Orthodontic (Braces)
เป็นการจัดฟันแบบมีอุปกรณ์ติดอยู่ด้านใน เป็นการจัดฟันที่ผู้อื่นนั้นไม่สามารถที่จะมองเห็นรูปแบบการจัดฟันได้เลย จึงทำให้ไม่เป็นที่สังเกตได้อย่างเด่นชัด แต่วิธีการจัดฟันแบบ Lingual Orthodontic นับเป็นวิธีที่ยาก เนื่องจากต้องมีการใช้อุปกรณ์ที่พิเศษ เพื่อทำการยึดติดที่บริเวณด้านในของฟันที่เป็นบริเวณที่แคบและยุ่งยาก เพื่อช่วยให้เครื่องมือเกิดความคงทนเเละสามรถที่จะจัดฟันได้ประสบผลสำเร็จ กระบวนการในการติดเครื่องมือในการจัดฟันนั้นยากกว่าทำให้การจัดฟันเมื่อเทียบกับวิธีการปกติ เเละการจัดฟันวิธีนี้เสียค่าใช้จ่ายมากกว่า รวมทั้งใช้ระยะเวลานานกว่า ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทันตแพทย์ที่ได้รับอนุญาตด้านการจัดฟันเฉพาะทาง
สำหรับสิ่งที่สำคัญที่ผู้จัดฟันต้องเตรียมความพร้อมก่อนการจัดฟันนั้นมีข้อกำหนดหลากหลายประการดังต่อไปนี้
–การเตรียมความพร้อมทางด้านสุขภาพและโรคประจำตัว
โดยผู้ที่ต้องการจัดฟันควรมีสุขภาพดี ไม่มีโรคติดต่อหรือมีโรคประจำตัวที่ทำให้เกิดปัญหาต่อการจัดฟัน หรือในผู้ที่บางรายที่เสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้ง่าย หรือการรับประทานยาละลายลิ่มเลือดที่ส่งผลต่อการเกิดเลือดออกได้ง่ายระหว่างการจัดฟันควรแจ้งทันตแพทย์ นอกจากนี้ควรมีการแจ้งรายละเอียดในการเเพ้ยาให้แพทย์ทราบ รวมทั้งอันตรายและการบาดเจ็บที่ผ่านมาจากความผิดปกติของใบหน้า บริเวณที่มีกระดูกหักที่ใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นกราม กระดูกโหนกแก้ม เป็นต้น รวมทั้งการรักษาที่ผ่านมา เช่น การใส่เหล็กเพื่อยึดกระดูกที่บริเวณใบหน้า เพื่อความปลอดภัยของผู้จัดฟัน รวมทั้งผู้ที่จัดฟันควรดูแลไม่ให้ตนเองเกิดโรคเรื้อรังต่างๆที่ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากตามมา
–การเตรียมความพร้อมของสุขภาพภายในช่องปาก
การเตรียมความพร้อมของสุขภาพภายในในช่องปากเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ โดยผู้ที่จะจัดฟันจะต้องมีการดูเเลความสะอาดเเละจัดการปัญหาในช่องปากเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฟันผุ คราบหินปูน การอุดฟัน ถอนฟัน หรือการรักษารากฟัน เพื่อให้ฟันนั้นอยู่ในสภาพที่ดีและแข็งแรงมากที่สุดก่อนการจัดฟันรวมทั้งการดูแลไม่ให้เกิดโรคเรื้อรังในช่องปาก การดูแลเหงือกไม่ให้เกิดปัญหาในช่องปากที่จัดการได้ยาก เมื่อมีการจัดฟันแล้ว โดยทันตแพทย์จะมีการตรวจฟันโดยละเอียดก่อนการจัดฟัน เพื่อเป็นการประเมินความผิดปกติและแนะนำให้ทำการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อลดการเกิดปัญหาภายในช่องปากที่ลุกลามตามมา
–การเตรียมพร้อมด้านภาพลักษณ์และการใช้ชีวิตประจำวัน
ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดฟันในเรื่องของภาพลักษณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น การเกิดปัญหาหารพูด ทำให้พูดไม่ค่อยชัดเมื่อมีการติดเครื่องมือในระยะแรก การรับประทานอาหารที่ไม่สะดวก เคี้ยวได้ช้าลง เศษอาหารติดฟันง่ายขึ้น การมีปัญหากลิ่นปากสะสม รวมทั้งการเกิดบาดแผลในช่องปากได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในระยะเเรกผู้จัดฟันจะมีอาการเจ็บเมื่อมีการใส่ยางแยกฟัน หรือการเปลี่ยนยางในแต่ละเดือน รวมทั้งอาจรบกวนในบางช่วงวัย เช่น เด็กในวัยเรียนอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้มาก เนื่องจากแรงดึงในการจัดฟัน ทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้สิ่งที่เป็นปัญหาในการจัดฟันในปัจจุบันนั้น คือ การหลีกเลี่ยงการจัดฟันแฟชั่น การจัดฟันแฟชั่นนั้นเป็นการใช้เครื่องมือการจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน การจัดฟันที่ใช้อุปกรณ์ในการจัดฟันที่ไม่มีคุณภาพ รวมทั้งมีการปนเปื้อนสารเคมีที่มีการหลุดลอกเมื่อมีการสัมผัสกับอาหรที่มีความเป็นกรดด่าง ความร้อนความเย็น โลหะหนักต่างๆที่ทำอันตรายต่อร่างกาย เช่น ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู เป็นต้น รวมทั้งการเกิดสนิมที่ลวดยึดฟัน ผลเสียจึงเกิดในส่วนที่ประกอบเป็นอุปกรณ์ในการเลียนแบบ ส่งผลเสียให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก เกิดปัญหาสุขภาพและฟันเรื้อรังได้ เช่น การเกิดแผล ฟันผุ การที่ฟันล้ม การจัดเรียงของฟันนั้นมีความผิดปกติเกิดขึ้น ทำให้เกิดอาการเสียวฟัน เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการจัดฟันที่ไม่ได้คุณภาพ การจัดฟันอาจเกิดผลเสียทำให้ฟันนั้นล้มได้ง่าย เเต่ทั้งนี้ขึ้นกับการดูแลและการใส่ Retener อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการดูแลสุขภาพในช่องปากเเละฟันให้ดีอยู่อย่างสม่ำเสมอ ควรหลีกเลี่ยงการกัดอาหารที่แข็งและเหนียวที่อาจส่งผลให้อุปกรณ์ที่ติดเครื่องมือเสียหายได้
ค่าใช้จ่ายต่างๆของการจัดฟัน
โดยส่วนใหญ่แล้วมักพบการจัดฟันก่อนการทำศัลยกรรมใบหน้า เพื่อเป็นการทำให้รูปหน้านั้นมีความเข้าที่ เช่นก่อนการเสริมจมูก หรือการปรับรูปหน้าคางให้เรียว โดยผลส่วนใหญ่ของการจัดฟันที่อาจเป็นได้ คือ การทำให้น้ำหนักลดในระยะแรกเนื่องจากการรับประทานอาหารลำบาก การมีรูปหน้าที่เรียวขึ้น แต่ในบางรายอาจมีปัญหาเรื่องของอาการเสียวฟันได้หลังการจัดฟัน นอกจากนี้ในส่วนของราคาค่าใช้จ่ายในการจัดฟันจะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ ที่ใช้ วิธีการ และการเตรียมความพร้อมภายในช่องปาก โดยการจัดฟันโดยใช้เครื่องมือแบบถอดได้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-10,000 บาท การจัดฟันโดยใช้เครื่องมือติดแน่นแบบโลหะราคาจะอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 บาท ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกตามความเหมาะสม
โดยในส่วนค่าใช้จ่ายส่วนแรกของการจัดฟันนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนย่อย ไม่ว่าจะเป็นการอุดฟัน มีทั้งแบบการอุดฟันชั่วคราว ราคายู่ที่ประมาณ 200-300 บาท อุดฟันแบบสีเหมือนฟันราคายู่ที่ประมาณ 500-1,000 บาท การถอนฟันราคาอยู่ที่ 400-800 บาท การขูดหินปูนประมาณ 500-1,000 บาท ในส่วนของรายละเอียดในการพิมพ์แบบฟันในครั้งแรกเพื่อที่แพทย์จะทำการประเมินสภาพของฟันอยู่ที่ราคาประมาณ 1,000 บาท การเอ็กซเรย์รูปฟัน ( Cephalogram ) 2 ฟิล์มราคาอยู่ที่ 800-1,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการทำประวัติ 1,000 บาท
การเริ่มต้นติดเครื่องมือจัดฟันในครั้งแรกทั้งฟันบน และฟันล่าง ราคาอยู่ที่ 13,000 บาท และจะมีการติดตามอาการเพื่อเปลี่ยนยางและลวดยึดที่ฟัน ชำระค่ารักษาเดือนละ 1 ครั้งๆ ละประมาณ 1,000 บาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใส่รีเทนเนอร์ (Retainer)ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใส่หลังจัดฟันเสร็จเพื่อเป็นการคงรูปแบบการจัดเรียงตัวฟัน 2 ชิ้น ฟันบน, ล่าง รวมประมาณ 3,000- 4,000 บาท โดยราคาที่กล่าวมาข้างต้นอยู่ที่การกำหนดของสถานพยาบาลแต่ละแห่งอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย และระยะเวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ในการจัดฟันอยู่ที่ 3-5 ปี ตามแต่สภาพปัญหาฟันของแต่ละบุคคลว่ามีความยากง่ายเพียงใด
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญในการจัดฟัน จึงต้องมีการคำนึงถึง ความพร้อมในด้านต่างๆทั้งสุขภาพช่องปากและฟัน ค่าใช้จ่าย และควรเลือกสถานบริการในการจัดฟันโดยผู้เชี่ยวชาญในการจัดฟันเฉพาะทาง (Orthodontic specialist ) เพื่อลดการเกิดปัญหาสุขภาพปากและฟันตามมาได้ นอกจากนี้การตรวจตามนัดทุกครั้งโดยผู้จัดฟันต้องมีวินัยเป็นหลักสำคัญ เพื่อให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพมากที่สุด
การจัดฟันนั้นมีหลากหลายวิธี โดยแพทย์จะพิจารณาการจัดฟันขึ้นอยู่กับสุขภาพของช่องปากและฟัน การตกลงเลือกวิธีการระหว่างผู้จัดฟันเเละทันตเเพทย์ตามข้อดีข้อเสียจากวิธีการต่างๆ รวมทั้งปัจจัยด้านค่าใช้จ่าย การจัดฟันนั้นมีหลากหลายวิธี มีดังต่อไปนี้
โดยผู้ที่ต้องการจัดฟันควรมีสุขภาพดี ไม่มีโรคติดต่อหรือมีโรคประจำตัวที่ทำให้เกิดปัญหาต่อการจัดฟัน หรือในผู้ที่บางรายที่เสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้ง่าย หรือการรับประทานยาละลายลิ่มเลือดที่ส่งผลต่อการเกิดเลือดออกได้ง่ายระหว่างการจัดฟันควรแจ้งทันตแพทย์ นอกจากนี้ควรมีการแจ้งรายละเอียดในการเเพ้ยาให้แพทย์ทราบ รวมทั้งอันตรายและการบาดเจ็บที่ผ่านมาจากความผิดปกติของใบหน้า บริเวณที่มีกระดูกหักที่ใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นกราม กระดูกโหนกแก้ม เป็นต้น รวมทั้งการรักษาที่ผ่านมา เช่น การใส่เหล็กเพื่อยึดกระดูกที่บริเวณใบหน้า เพื่อความปลอดภัยของผู้จัดฟัน รวมทั้งผู้ที่จัดฟันควรดูแลไม่ให้ตนเองเกิดโรคเรื้อรังต่างๆที่ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากตามมา
การเตรียมความพร้อมของสุขภาพภายในในช่องปากเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ โดยผู้ที่จะจัดฟันจะต้องมีการดูเเลความสะอาดเเละจัดการปัญหาในช่องปากเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฟันผุ คราบหินปูน การอุดฟัน ถอนฟัน หรือการรักษารากฟัน เพื่อให้ฟันนั้นอยู่ในสภาพที่ดีและแข็งแรงมากที่สุดก่อนการจัดฟันรวมทั้งการดูแลไม่ให้เกิดโรคเรื้อรังในช่องปาก การดูแลเหงือกไม่ให้เกิดปัญหาในช่องปากที่จัดการได้ยาก เมื่อมีการจัดฟันแล้ว โดยทันตแพทย์จะมีการตรวจฟันโดยละเอียดก่อนการจัดฟัน เพื่อเป็นการประเมินความผิดปกติและแนะนำให้ทำการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อลดการเกิดปัญหาภายในช่องปากที่ลุกลามตามมา
ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดฟันในเรื่องของภาพลักษณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น การเกิดปัญหาหารพูด ทำให้พูดไม่ค่อยชัดเมื่อมีการติดเครื่องมือในระยะแรก การรับประทานอาหารที่ไม่สะดวก เคี้ยวได้ช้าลง เศษอาหารติดฟันง่ายขึ้น การมีปัญหากลิ่นปากสะสม รวมทั้งการเกิดบาดแผลในช่องปากได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในระยะเเรกผู้จัดฟันจะมีอาการเจ็บเมื่อมีการใส่ยางแยกฟัน หรือการเปลี่ยนยางในแต่ละเดือน รวมทั้งอาจรบกวนในบางช่วงวัย เช่น เด็กในวัยเรียนอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้มาก เนื่องจากแรงดึงในการจัดฟัน ทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
โดยส่วนใหญ่แล้วมักพบการจัดฟันก่อนการทำศัลยกรรมใบหน้า เพื่อเป็นการทำให้รูปหน้านั้นมีความเข้าที่ เช่นก่อนการเสริมจมูก หรือการปรับรูปหน้าคางให้เรียว โดยผลส่วนใหญ่ของการจัดฟันที่อาจเป็นได้ คือ การทำให้น้ำหนักลดในระยะแรกเนื่องจากการรับประทานอาหารลำบาก การมีรูปหน้าที่เรียวขึ้น แต่ในบางรายอาจมีปัญหาเรื่องของอาการเสียวฟันได้หลังการจัดฟัน นอกจากนี้ในส่วนของราคาค่าใช้จ่ายในการจัดฟันจะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ ที่ใช้ วิธีการ และการเตรียมความพร้อมภายในช่องปาก โดยการจัดฟันโดยใช้เครื่องมือแบบถอดได้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-10,000 บาท การจัดฟันโดยใช้เครื่องมือติดแน่นแบบโลหะราคาจะอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 บาท ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกตามความเหมาะสม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น