วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การจัดฟันมีกี่แบบอะไรบ้าง

สำหรับบทความนี้ ขอนำเสนอข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวเนื่องกับ การจัดฟัน หรือการดัดฟัน ว่ามีกี่แบบอะไรบ้าง เพื่อให้ผู้ทำการจัดฟัน หรือดัดฟันจะได้มีความรู้ ในเรื่องดังกล่าว ประกอบกับการตัดสินใจในการเลือกจัดฟัน หรือดัดฟันกันนะคะ

การจัดฟันแบ่งได้กี่ประเภท มีอะไรบ้าง

สำหรับการจัดฟันนั้น เราจะแบ่งเป็นประเภทของการจัดฟันได้ 2 ประเภท ดังต่อไปนี้คือ
1. จัดฟันชนิดถอดออกได้
สำหรับการจัดฟันแบบถอดออกได้นั้น เครื่องมือตัวนี้ถือว่า สามารถช่วยให้เราถอดออกมาเพื่อมาใช้ ในระหว่างที่มีการจัดฟันได้
ซึ่งรูปแบบของการจัดฟันตรงนี้ จะมีหลักๆ อยู่ด้วยกันสองแบบ คือ เป็นแบบนำไปใช้เพื่อการเคลื่อนของฟัน และแบบที่นำไปใช้เพื่อการเคลื่อนของขากรรไกร
โดยคุณหมอ นิยมใช้การจัดฟันแบบนี้ เฉพาะในกรณีที่มีการปรับตำแหน่ง ฟันบางซี่เท่านั้น
ประโยชน์ของการจัดฟันแบบถอดออกได้ คือ
  • สามารถถอดออกมา ทำความสะอาดได้ อย่างต่อเนื่อง
  • ช่วยให้เครื่องมือสามารถติดแน่นได้ มากกว่าเดิม
ส่วนข้อจำกัดของการจัดฟันแบบนี้ คือ มักมีการถอดเข้าออกบ่อยๆ ทำให้การจัดฟันมีปัญหาได้ในอนาคต และส่งผลให้ประสิทธิภาพ ในการจัดฟันนั้นลดลง
จัดฟันมีกี่แบบ
2. จัดฟันชนิดถอดออกไม่ได้
สำหรับการจัดฟันแบบถอดออกไม่ได้ แบบนี้ คุณหมอจะนิยมใช้มาก เพราะจะเป็นการดัดฟันแบบซี่ลวดต่างๆ ให้ฟันทั้งแผงนั้น ยึดติดกันทั้งหมด
โดยมีการใช้ปลอกโลหะ ในการยืดฟันในส่วนของฟันกรามไว้ จากนั้นใช้ลวดร้อยไปตามสายต่างๆ โดยมีส่วนที่เรียกว่าเป็น แบร็กเก็ต (braces) ซึ่งมีทั้งแบบสีธรรมดา กับแบบเป็นพลาสติกใสไปในตัว

นอกจากนี้ การจัดฟันแบบนี้ ยังสามารถเลือกรูปแบบอีกได้ถึงสองแบบด้วยกัน คือ

จัดฟันมีกี่แบบ
1. เครืองมือจัดฟันด้านนอก
เครื่องมือจัดฟันชนิดนี้จะเป็นที่รู้จักกันทั่วไป เนื่องจากมองเห็นได้ชัดเจน โดยเครื่องมือจัดฟันชนิดนี้ จะติดอยู่ที่ผิวด้านหน้าของตัวฟัน หรือด้านลิ้น ไม่สามารถถอดออกได้ แบ่งออกได้เป็น สองประเภทดังต่อไปนี้
  • แบบที่เป็นสีโลหะ เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ทำมาจากโลหะ มีให้เลือก สอง สีคือสีทอง และสีเงิน
  • แบบสีใส เหมือนสีฟัน ทำมาจาก เซรามิก แบบเซรามิกจะมีราคาแพงกว่าชนิดที่เป็นโลหะ และสีของเครื่องมือจะไม่เปลี่ยน ตลอดอายุการใช้งาน ชนิดที่ทำมาจากพลาสติก ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าเซรามิก แต่มีข้อเสียคือ สีของเครื่องมือจะเปลี่ยนสี หรือคล้ำลงไปเมื่อเวลาผ่านไป และเครื่องมือยังแตกหักได้ง่ายกว่า
2. การจัดฟันด้วยเครื่องมือชนิดติดแน่นด้านใน
รูปแบบที่สองนี้ จะช่วยให้ผู้จัดฟันไม่ต้องเสียบุคลิกไป อันเนื่องมาจากตัวเครื่องมือจัดฟันที่อยู่ด้านนอกนั่นเอง

การจัดฟันแบบ DAMON คืออะไร

การจัดฟัน Damon คืออะไร
การจัดฟันระบบ Damon และการจัดฟันระบบ Damon clear เป็นการจัดฟันด้วยเครื่องมือที่ออกแบบ โดยการนำข้อดี ของเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะ และเครื่องมือจัดฟันแบบเซรามิก มารวมกัน
โดยได้ออกแบบเครื่องมือ ที่มีแรงเสียดทานน้อย ทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น ช่วยลดระยะเวลา ในการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน เจ็บน้อยกว่า การจัดฟันแบบปกติ ระยะเวลาการจัดฟัน รวดเร็วขึ้น

เรื่องที่ควรทราบก่อนตัดสินใจจัดฟัน

เรื่องที่ควรทราบก่อนตัดสินใจจัดฟัน
การจัดฟันนั้นนับได้ว่าเป็นกระบวนการการรักษาอย่างหนึ่งที่สำคัญและเป็นที่นิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก    การจัดฟันนับได้ว่ามีส่วนช่วยให้ฟันนั้นมีการเรียงตัวที่เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น   เมื่อกล่าวถึงส่วนประกอบทางกายวิภาคศาสตร์ของฟัน  จะพบว่าองค์ประกอบของฟันนั้นโดยปกติจะมีจำนวนฟันเเท้อยู่ที่  32 ซี่ ในส่วนของฟันมีส่วนประกอบของเนื้อฟัน คอฟัน และส่วนของรากฟัน ผิวชั้นนอกของฟันประกอบไปด้วยสารเคลือบฟันที่ช่วยปกป้องการถูกทำลายของฟัน   การที่คนเรานั้นมีการดูแลฟันได้ดี    จะช่วยลดการเกิดปัญหาภายในช่องปากและฟันได้    ปัจจุบันมีวิธีการแก้ไขเรื่องปัญหาในช่องปาก ปัญหาหนึ่งที่พบบ่อย คือ ปัญหาฟันที่ไม่เป็นระเบียบหรือผิดรูป ทำให้เกิดปัญหาการเบียดเนื้อฟัน   เหงือก เกิดปัญหาในช่องปากเรื้อรังตามมาได้
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าข้อบ่งชี้ในการจัดฟันนั้นประการสำคัญ คือ เพื่อความสวยงามและการที่มีสุขภาพที่ดีภายในช่องปากควบคู่กันไป   การจัดฟันนั้นเป็นการทำให้รูปแบบของฟันได้รูป  เนื่องจากผู้ที่มีปัญหาเรื่องฟันเกเเละมีการซ้อนทับกัน ทำให้เกิดปัญหาด้านช่องปาก  ฟันเเละเหงือก  อาจทำให้เกิดฟันผุได้
การจัดฟันนั้นมีหลากหลายวิธี   โดยแพทย์จะพิจารณาการจัดฟันขึ้นอยู่กับสุขภาพของช่องปากและฟัน   การตกลงเลือกวิธีการระหว่างผู้จัดฟันเเละทันตเเพทย์ตามข้อดีข้อเสียจากวิธีการต่างๆ   รวมทั้งปัจจัยด้านค่าใช้จ่าย การจัดฟันนั้นมีหลากหลายวิธี  มีดังต่อไปนี้
วิธีการจัดฟันแบบ  METAL
Metal Bracket Orthodontic
เป็นวิธีการจัดฟันแบบติดโลหะด้านนอก    ที่เรียกชื่อเต็มว่า  Metal Bracket Orthodontic (Braces)  นับได้ว่าเป็นวิธีที่มีความนิยมมากที่สุด  เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนมีเครื่องมือที่มีความหลากหลายในการจัดฟันเเละเป็นวิธีที่มีการใช้งานมากที่สุด  โดยมีโลหะที่แข็งแรงที่เรียกว่า   Bracket   ในการติดกับผิวฟันด้านนอก   ผ่านลวดที่ยึดติดกับเครื่องมือ Bracket  เเล้วเเพทย์จะทำการใส่ยาง   เพื่อที่จะยึดในส่วนของฟันเเต่ละซี่   ให้มีการเคลื่อนที่ไปตามทิศทางเเละตำเเหน่งที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง    เเต่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนยางที่ยึดกับฟันเเต่ละซี่ทุกๆเดือน  เพื่อเป็นการคงสภาพของการเคลื่อนของฟันและเป็นการกำหนดทิศทางของฟันในแต่ละส่วนเพื่อให้ฟันนั้นสามารถที่จะเข้ารูปไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้เร็วมากยิ่งขึ้น   ในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนยางจะมีอาการปวดมากน้อยแตกต่างกันออกไป แต่ข้อดีของ การดูแลรักษาฟันและความสะอาดของอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดฟัน คือ สามารถทำความสะอาดได้ง่ายเนื่องจากอยู่ภายนอกของตัวฟัน
– วิธีการจัดฟันแบบ   DAMON
Damon Bracket Orthodontic
เป็นรูปแบบการจัดฟันแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพ อุปกรณ์ในการจัดฟันแบบโลหะกึ่งใส   ส่วนประกอบของ  Damon Bracket Othodontic (Braces)   คือ  เครื่องมือการจัดฟันที่มีความพิเศษกว่าวิธีการแบบธรรมดาทั่วไป   เนื่องจากการที่จัดฟันด้วยวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าปกติ   เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ฟันมีการเคลื่อนสู่ตำเเหน่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น   ทั้งในส่วนของประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องมือ   DAMON  ที่สามารถใช้ได้ยาวนาน ทำให้ผู้ที่จัดฟันไม่ต้องเปลี่ยนยางทุกๆเดือน   อันเนื่องจากข้อเสียของการเสื่อมสภาพของยางที่ใช้ดึงฟันในวิธีการปกติ   โดยวิธี   DAMON  มีการพัฒนาการผลิตอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดฟัน
– วิธีการจัดฟันแบบ     INVISALIGN
invisalign Orthodontic
นับว่าเป็นการจัดฟันแบบใสที่เป็นนวัตกรรมการจัดฟันที่มีประสิทธิภาพ  ประกอบไปด้วยองค์ประกอบของวัสดุที่มี ลักษณะที่โปร่งใส  เป็นการจัดฟันที่ไม่มีอุปกรณ์ที่ติดบริเวณฟันมากนัก   โดยวิธี  INVISALIGN  จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือในการจัดฟันเป็นระยะๆ  โดยก่อนการจัดฟันจะมีการออกเเบบในเรื่องของเครื่องมือจัดฟันให้มีความใกล้เคียงและเหมาะสมกับผู้จัดฟันให้มากที่สุด แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญในการจัดฟันโดยเฉพาะ
– วิธีการจัดฟันแบบ  Lingual Orthodontic (Braces)
Lingual Orthodontic
เป็นการจัดฟันแบบมีอุปกรณ์ติดอยู่ด้านใน   เป็นการจัดฟันที่ผู้อื่นนั้นไม่สามารถที่จะมองเห็นรูปแบบการจัดฟันได้เลย   จึงทำให้ไม่เป็นที่สังเกตได้อย่างเด่นชัด  แต่วิธีการจัดฟันแบบ  Lingual Orthodontic นับเป็นวิธีที่ยาก   เนื่องจากต้องมีการใช้อุปกรณ์ที่พิเศษ  เพื่อทำการยึดติดที่บริเวณด้านในของฟันที่เป็นบริเวณที่แคบและยุ่งยาก    เพื่อช่วยให้เครื่องมือเกิดความคงทนเเละสามรถที่จะจัดฟันได้ประสบผลสำเร็จ   กระบวนการในการติดเครื่องมือในการจัดฟันนั้นยากกว่าทำให้การจัดฟันเมื่อเทียบกับวิธีการปกติ เเละการจัดฟันวิธีนี้เสียค่าใช้จ่ายมากกว่า  รวมทั้งใช้ระยะเวลานานกว่า   ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทันตแพทย์ที่ได้รับอนุญาตด้านการจัดฟันเฉพาะทาง

สำหรับสิ่งที่สำคัญที่ผู้จัดฟันต้องเตรียมความพร้อมก่อนการจัดฟันนั้นมีข้อกำหนดหลากหลายประการดังต่อไปนี้
การเตรียมความพร้อมทางด้านสุขภาพและโรคประจำตัว
โดยผู้ที่ต้องการจัดฟันควรมีสุขภาพดี ไม่มีโรคติดต่อหรือมีโรคประจำตัวที่ทำให้เกิดปัญหาต่อการจัดฟัน   หรือในผู้ที่บางรายที่เสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้ง่าย หรือการรับประทานยาละลายลิ่มเลือดที่ส่งผลต่อการเกิดเลือดออกได้ง่ายระหว่างการจัดฟันควรแจ้งทันตแพทย์    นอกจากนี้ควรมีการแจ้งรายละเอียดในการเเพ้ยาให้แพทย์ทราบ    รวมทั้งอันตรายและการบาดเจ็บที่ผ่านมาจากความผิดปกติของใบหน้า  บริเวณที่มีกระดูกหักที่ใบหน้า   ไม่ว่าจะเป็นกราม  กระดูกโหนกแก้ม  เป็นต้น รวมทั้งการรักษาที่ผ่านมา  เช่น  การใส่เหล็กเพื่อยึดกระดูกที่บริเวณใบหน้า   เพื่อความปลอดภัยของผู้จัดฟัน รวมทั้งผู้ที่จัดฟันควรดูแลไม่ให้ตนเองเกิดโรคเรื้อรังต่างๆที่ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากตามมา
การเตรียมความพร้อมของสุขภาพภายในช่องปาก
การเตรียมความพร้อมของสุขภาพภายในในช่องปากเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ   โดยผู้ที่จะจัดฟันจะต้องมีการดูเเลความสะอาดเเละจัดการปัญหาในช่องปากเสียก่อน  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฟันผุ คราบหินปูน การอุดฟัน ถอนฟัน หรือการรักษารากฟัน  เพื่อให้ฟันนั้นอยู่ในสภาพที่ดีและแข็งแรงมากที่สุดก่อนการจัดฟันรวมทั้งการดูแลไม่ให้เกิดโรคเรื้อรังในช่องปาก การดูแลเหงือกไม่ให้เกิดปัญหาในช่องปากที่จัดการได้ยาก  เมื่อมีการจัดฟันแล้ว โดยทันตแพทย์จะมีการตรวจฟันโดยละเอียดก่อนการจัดฟัน   เพื่อเป็นการประเมินความผิดปกติและแนะนำให้ทำการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อลดการเกิดปัญหาภายในช่องปากที่ลุกลามตามมา
การเตรียมพร้อมด้านภาพลักษณ์และการใช้ชีวิตประจำวัน
ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดฟันในเรื่องของภาพลักษณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น  การเกิดปัญหาหารพูด ทำให้พูดไม่ค่อยชัดเมื่อมีการติดเครื่องมือในระยะแรก   การรับประทานอาหารที่ไม่สะดวก  เคี้ยวได้ช้าลง  เศษอาหารติดฟันง่ายขึ้น  การมีปัญหากลิ่นปากสะสม รวมทั้งการเกิดบาดแผลในช่องปากได้ง่ายมากยิ่งขึ้น   เนื่องจากในระยะเเรกผู้จัดฟันจะมีอาการเจ็บเมื่อมีการใส่ยางแยกฟัน  หรือการเปลี่ยนยางในแต่ละเดือน   รวมทั้งอาจรบกวนในบางช่วงวัย  เช่น  เด็กในวัยเรียนอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้มาก   เนื่องจากแรงดึงในการจัดฟัน ทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้สิ่งที่เป็นปัญหาในการจัดฟันในปัจจุบันนั้น คือ การหลีกเลี่ยงการจัดฟันแฟชั่น การจัดฟันแฟชั่นนั้นเป็นการใช้เครื่องมือการจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน  การจัดฟันที่ใช้อุปกรณ์ในการจัดฟันที่ไม่มีคุณภาพ   รวมทั้งมีการปนเปื้อนสารเคมีที่มีการหลุดลอกเมื่อมีการสัมผัสกับอาหรที่มีความเป็นกรดด่าง ความร้อนความเย็น   โลหะหนักต่างๆที่ทำอันตรายต่อร่างกาย   เช่น  ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู เป็นต้น รวมทั้งการเกิดสนิมที่ลวดยึดฟัน  ผลเสียจึงเกิดในส่วนที่ประกอบเป็นอุปกรณ์ในการเลียนแบบ   ส่งผลเสียให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก เกิดปัญหาสุขภาพและฟันเรื้อรังได้ เช่น  การเกิดแผล ฟันผุ การที่ฟันล้ม การจัดเรียงของฟันนั้นมีความผิดปกติเกิดขึ้น  ทำให้เกิดอาการเสียวฟัน  เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการจัดฟันที่ไม่ได้คุณภาพ  การจัดฟันอาจเกิดผลเสียทำให้ฟันนั้นล้มได้ง่าย   เเต่ทั้งนี้ขึ้นกับการดูแลและการใส่ Retener อย่างต่อเนื่อง   รวมทั้งการดูแลสุขภาพในช่องปากเเละฟันให้ดีอยู่อย่างสม่ำเสมอ  ควรหลีกเลี่ยงการกัดอาหารที่แข็งและเหนียวที่อาจส่งผลให้อุปกรณ์ที่ติดเครื่องมือเสียหายได้

ค่าใช้จ่ายต่างๆของการจัดฟัน
โดยส่วนใหญ่แล้วมักพบการจัดฟันก่อนการทำศัลยกรรมใบหน้า  เพื่อเป็นการทำให้รูปหน้านั้นมีความเข้าที่ เช่นก่อนการเสริมจมูก หรือการปรับรูปหน้าคางให้เรียว  โดยผลส่วนใหญ่ของการจัดฟันที่อาจเป็นได้ คือ การทำให้น้ำหนักลดในระยะแรกเนื่องจากการรับประทานอาหารลำบาก   การมีรูปหน้าที่เรียวขึ้น  แต่ในบางรายอาจมีปัญหาเรื่องของอาการเสียวฟันได้หลังการจัดฟัน   นอกจากนี้ในส่วนของราคาค่าใช้จ่ายในการจัดฟันจะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ ที่ใช้   วิธีการ และการเตรียมความพร้อมภายในช่องปาก    โดยการจัดฟันโดยใช้เครื่องมือแบบถอดได้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-10,000 บาท   การจัดฟันโดยใช้เครื่องมือติดแน่นแบบโลหะราคาจะอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 บาท     ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกตามความเหมาะสม
โดยในส่วนค่าใช้จ่ายส่วนแรกของการจัดฟันนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนย่อย ไม่ว่าจะเป็นการอุดฟัน  มีทั้งแบบการอุดฟันชั่วคราว ราคายู่ที่ประมาณ 200-300 บาท    อุดฟันแบบสีเหมือนฟันราคายู่ที่ประมาณ   500-1,000  บาท         การถอนฟันราคาอยู่ที่ 400-800 บาท  การขูดหินปูนประมาณ 500-1,000 บาท      ในส่วนของรายละเอียดในการพิมพ์แบบฟันในครั้งแรกเพื่อที่แพทย์จะทำการประเมินสภาพของฟันอยู่ที่ราคาประมาณ 1,000 บาท    การเอ็กซเรย์รูปฟัน ( Cephalogram )  2 ฟิล์มราคาอยู่ที่  800-1,000 บาท  ค่าใช้จ่ายในการทำประวัติ 1,000 บาท
การเริ่มต้นติดเครื่องมือจัดฟันในครั้งแรกทั้งฟันบน และฟันล่าง ราคาอยู่ที่ 13,000 บาท และจะมีการติดตามอาการเพื่อเปลี่ยนยางและลวดยึดที่ฟัน ชำระค่ารักษาเดือนละ  1 ครั้งๆ ละประมาณ 1,000 บาท    ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใส่รีเทนเนอร์ (Retainer)ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใส่หลังจัดฟันเสร็จเพื่อเป็นการคงรูปแบบการจัดเรียงตัวฟัน   2 ชิ้น ฟันบน, ล่าง รวมประมาณ   3,000- 4,000 บาท โดยราคาที่กล่าวมาข้างต้นอยู่ที่การกำหนดของสถานพยาบาลแต่ละแห่งอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย   และระยะเวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ในการจัดฟันอยู่ที่ 3-5 ปี  ตามแต่สภาพปัญหาฟันของแต่ละบุคคลว่ามีความยากง่ายเพียงใด
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญในการจัดฟัน   จึงต้องมีการคำนึงถึง ความพร้อมในด้านต่างๆทั้งสุขภาพช่องปากและฟัน  ค่าใช้จ่าย  และควรเลือกสถานบริการในการจัดฟันโดยผู้เชี่ยวชาญในการจัดฟันเฉพาะทาง  (Orthodontic   specialist ) เพื่อลดการเกิดปัญหาสุขภาพปากและฟันตามมาได้   นอกจากนี้การตรวจตามนัดทุกครั้งโดยผู้จัดฟันต้องมีวินัยเป็นหลักสำคัญ  เพื่อให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพมากที่สุด

อันตรายจากการจัดฟันแฟชั่น

แม้สาเหตุการเสียชีวิตของนักเรียนหญิงชั้น ม.5 จ.ขอนแก่น จะเกี่ยวข้องกับการจัด หรือดัดฟันแฟชั่นหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยก็เป็นอุทาหรณ์ให้กับวัยรุ่นทั้งหลายได้ตระหนักถึงอันตรายของความ สวยงาม โก้เก๋ ที่อาจต้องแลกด้วยชีวิต

ทพ.ดร.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมชุมชน คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า



ปกติการจัดฟันจะเป็นการแก้ไขความผิดปกติของการเรียงตัวของฟัน เช่น
ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันยื่น ฟันบนล่างไม่สบกัน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการบดเคี้ยวอาหาร สุขภาพของฟัน รวมทั้งเนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟัน และยังช่วยปรับ ให้รูปลักษณะใบหน้า และการยิ้มดูดีขึ้น ผู้ให้การรักษาจะต้องเป็นทันตแพทย์เท่านั้น

การจัดฟันแฟชั่น ไม่ใช่การรักษาทางทันตกรรม แต่เป็นการพยายามใส่เครื่องมือที่เลียนแบบการจัดฟันแบบติดแน่นที่ทันตแพทย์ ใช้ในการรักษาผู้ป่วย มีจุดประสงค์เพื่อความสวยงาม โก้เก๋ ทันสมัย ผู้ที่ให้บริการไม่ใช่ทันตแพทย์ ทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมา


ในปัจจุบันจัดฟันแฟชั่น อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
ลวดร้อยลูกปัด เป็นการใช้ลวดเส้นเล็ก ๆ ร้อยลูกปัดสีต่าง ๆ มีวางจำหน่ายในตลาดนัดและแหล่งชุมชนต่าง ๆ ราคาเส้นละ 50-120 บาท เด็กและวัยรุ่นนิยมซื้อมาใส่เอง

จัดฟันแฟชั่นแบบติดแน่น เป็นการเลียนแบบการจัดฟันของทันตแพทย์ให้เหมือนมากขึ้น โดยจะมีการติดเครื่องมือ "แบ๊กเกต" เป็นโลหะรูปสี่เหลี่ยมที่มีร่องใส่ลวดจัดฟันและมีส่วนยื่นออกมาสำหรับคล้อง ยาง ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 800-1,200 บาท สามารถเลือกสีของยาง รูปร่างของยาง เช่น รูป ดอกไม้ มิกกี้เม้าส์

จัดฟันแฟชั่นแบบถอดได้ เป็นการใช้เครื่องมือคงสภาพฟัน
หรือ "รีเทนเนอร์" ที่เหมือนกับทันตแพทย์ใช้ มีลักษณะเป็นแผ่น พลาสติกปิดอยู่ที่เพดาน หรือข้างลิ้น มีลวดคอยบังคับฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ มีการดัดแปลง เพิ่มแบ๊กเกตให้ติดอยู่บนลวด ขั้นตอนการทำจะต้องมีการพิมพ์ฟัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 800-1,300 บาทต่อชิ้น สามารถเลือกสี ลายของแผ่น พลาสติก และลวดได้


อันตรายของการจัดฟันแฟชั่น มีดังนี้
อันตรายจากขั้นตอนการทำ เครื่องมือที่ใช้ เช่น ถาดพิมพ์ฟันใช้แล้วไม่ได้ล้าง หรือล้างแต่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคที่มาจากน้ำลายของผู้ใช้บริการคนก่อน ผู้ทำไม่ได้สวมถุงมือ อาจติดโรคต่าง ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี วัณโรค ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คอตีบ โปลิโอ

อันตรายจากวัสดุ ลวดจัดฟันแฟชั่นที่ใช้คุณ ภาพต่ำ มีสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู หากสะสมในร่างกายมาก ๆ จะเป็นอันตรายต่อไต ทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ ของเซลล์ตาย อาจทำให้เกิดมะเร็งได้ การใช้ลวดที่เป็นสี เมื่อใส่ไว้ในปากสักระยะหนึ่ง มีการสัมผัสอาหาร ของเย็น ของร้อน แล้วสีจางลง ส่วนประกอบของสีจะเข้าสู่ร่างกาย ผ่านเข้ากระเพาะอาหาร และดูดซึมไปสะสมไว้ในร่างกาย เป็นการสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย



อันตรายต่อฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก ในขั้นตอนการทำ จะมีการใช้หัวกรอ กรอเอาเคลือบฟันที่ดีออกไป รวมทั้งใช้กรดกัดฟัน ซึ่งจะทำให้เคลื่อนฟันบางลง ทำให้ความแข็งแรงของฟันลดลง ทำให้เสียวฟันได้ง่าย

การปรับแต่ง ลวดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้จะทำให้เกิดแรงกดไปที่ตัวฟัน และฟันเคลื่อนไปจากเดิม ทำให้มีอาการปวดฟันมากอาจทำให้ฟันซี่นั้นกลายเป็นฟันตาย รากฟันละลาย อาจจะต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้งไป เครื่องมืออาจหลุดลงคอ หรือ หลอดลม ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้การใส่เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นมักทำให้เกิดการบาดกระพุ้งแก้ม หรือเนื้อเยื่อในช่องปากกลาย เป็นแผล เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเนื้อเยื่อในช่องปาก อีกทั้งเครื่องมือที่ใส่ในปาก จะขัดขวางการแปรงฟันและทำความสะอาดฟัน อาจทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ บวมแดง มีกลิ่นปาก

ท้ายนี้ขอเตือนวัยรุ่นทั้งหลายว่า หากฟันไม่ได้มีปัญหาก็ไม่ควรไปจัดหรือดัดฟันแฟชั่น เพราะนอกจากจะเสียเงินโดยใช่เหตุแล้ว อาจได้รับอันตรายจากวัสดุจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน ถึงขั้นเสียชีวิตได้.

ข้อดีและข้อเสียของการจัดฟันแฟชั่น

ข้อดีของการจัดฟันแฟชั่น

จัดฟันแฟชั่น
1. ราคาถูก
ข้อดีประการแรกของการจัดฟันแฟชั่นคือ ราคาถูก ซึ่งคุณสามารถทำการจัดฟันแฟชั่นได้ในราคาเริ่มต้นที่ 1,000 บาทเท่านั้น โดยราคาที่สูงขึ้นก็อาจหมายถึงคุณภาพที่ทำการจัดฟันแฟชั่นที่สูงขึ้นด้วย
2. เหมือนว่าเราจัดฟัน
ช่วยทำให้ใครๆ ก็คิดว่าเราจัดฟัน อย่าลืมว่าการจัดฟันนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ การดูแลช่องปากของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องบ่งฐานะด้วย ดังนั้นการจัดฟันจึงเป็นการแสดงว่าตนเองมีฐานะ หรือทำให้คนอื่นเข้าใจว่าตนเองมีฐานะนั่นเอง
ข้อเสียจัดฟันแฟชั่น

ลวดจัดฟันแฟชั่นที่ใช้คุณ ภาพต่ำ มีสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู หากสะสมในร่างกายมาก ๆ จะเป็นอันตรายต่อไต ทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ ของเซลล์ตาย อาจทำให้เกิดมะเร็งได้ การใช้ลวดที่เป็นสี เมื่อใส่ไว้ในปากสักระยะหนึ่ง มีการสัมผัสอาหาร ของเย็น ของร้อน แล้วสีจางลง ส่วนประกอบของสีจะเข้าสู่ร่างกาย ผ่านเข้ากระเพาะอาหาร และดูดซึมไปสะสมไว้ในร่างกาย เป็นการสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย 

อันตรายต่อฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก ในขั้นตอนการทำ จะมีการใช้หัวกรอ กรอเอาเคลือบฟันที่ดีออกไป รวมทั้งใช้กรดกัดฟัน ซึ่งจะทำให้เคลื่อนฟันบางลง ทำให้ความแข็งแรงของฟันลดลง ทำให้เสียวฟันได้ง่าย 

การปรับแต่งลวดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้จะทำให้เกิดแรงกดไปที่ตัวฟัน และฟันเคลื่อนไปจากเดิม ทำให้มีอาการปวดฟันมากอาจทำให้ฟันซี่นั้นกลายเป็นฟันตาย รากฟันละลาย อาจจะต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้งไป เครื่องมืออาจหลุดลงคอ หรือ หลอดลม ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้การใส่เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นมักทำให้เกิดการบาดกระพุ้งแก้ม หรือเนื้อเยื่อในช่องปากกลาย เป็นแผล เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเนื้อเยื่อในช่องปาก อีกทั้งเครื่องมือที่ใส่ในปาก จะขัดขวางการแปรงฟันและทำความสะอาดฟัน อาจทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ บวมแดง มีกลิ่นปาก 

ท้ายนี้ขอเตือนวัยรุ่นทั้งหลายว่า หากฟันไม่ได้มีปัญหาก็ไม่ควรไปจัดหรือดัดฟันแฟชั่น เพราะนอกจากจะเสียเงินโดยใช่เหตุแล้ว อาจได้รับอันตรายจากวัสดุจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน ถึงขั้นเสียชีวิตได้. หากมีความจำเป็นที่จะต้องจัดฟันควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีกว่า 

การจัดฟันแฟชั่นคืออะไร

จัดฟันแฟชั่น คืออะไร เมื่อใครๆ ก็ต้องการที่จะมีฟันสวย และเมื่อตนเองยิ้มออกมาก็อยากให้คนที่เห็นตนเองยิ้มต่างชื่นชมในฟันที่สวยงาม ดังนั้น เพื่อให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่กล่าวไปข้างต้นได้ คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดฟันของคุณเองให้สวยงาม
ดังนั้น เพื่อให้คุณมีแนวทางในการเลือกเกณฑ์การจัดฟันที่เหมาะสมกับตนเอง และงบประมาณในกระเป๋าของเรา ลองมาเรียนรู้ เกรดการจัดฟันแบบต่างๆ พร้อมทั้งสถานที่จัดฟันที่แนะนำกันเถอะ

ทำความเข้าใจการจัดฟันแฟชั่นก่อน

การจัดฟันแฟชั่น มีความแตกต่างจากการจัดฟันจริง กล่าวคือ การจัดฟันแฟชั่น เป็นการจัดฟันเพียงเพื่อให้ดูสวยงาม เวลายิ้มออกมา เท่านั้น เป็นเรื่องของค่านิยม ดังนั้นหากคิดจัดฟันแฟชั่นต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า ผลของการจัดฟันแฟชั่นนั้น จะไม่ใช่แบบเดียวกับที่จัดฟันจริงๆ ซึ่งมีส่วนในการปรับแก้ ช่องปากให้สวยงาม และสุขอนามัยของฟันที่ดีในอนาคต
ส่วนเรื่อง "แฟชั่นกับการจัดฟัน"

            
 การ จัดฟันแฟชั่น ในขณะนี้ กลุ่มที่นิยมส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เชื่อกันว่า การจัดฟันจะทำให้มีใบหน้าเรียวยาวสวยงามขึ้น ซึ่งไม่เป็นความจริง จริงๆแล้วการจัดฟันเป็นการรักษาในรายที่มีฟันผิดปกติ เช่น ฟันยื่น หรือฟันเก อาจสร้างปมด้อยและเกิดปัญหาตามมา  จึงไปจัดฟันในราคา 600-700 บาท และยังไม่รู้ถึงอันตรายของการจัดฟันกับ หมอเถื่อน รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ว่ามีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด
           เนื่อง จากการจัดฟันแฟชั่นไม่ใช่การรักษาทางทันตแพทย์ แต่เป็นการพยายามใส่เครื่องมือ ที่เลียนแบบการจัดฟันแบบติดแน่นที่ทันตแพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วย และมีข้อมูลว่าหมอเถื่อนบางรายใช้ กาวตราช้าง ยึดติดลวดกับฟัน ซึ่งมีอันตรายมากกับเคลือบฟัน ทำให้เคลือบฟันบางลง จะทำให้ฟันผุได้ง่ายขึ้น 
           ในวันนี้มีการหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้สั่งการกับโรงเรียนทั่วประเทศ ให้สั่งครูประจำชั้นตรวจฟันเด็กนักเรียนทั่วประเทศ โดยเฉพาะระดับมัธยมศึกษา หากพบมีเด็กจัดฟัน ให้ไปขอใบรับรองแพทย์จากทันตแพทย์ที่จัดฟัน หากไม่มี ให้แจ้งผู้ปกครองพาไปเอาลวดจัดฟันออกภายใน 30 วัน และให้ครูแจ้งสถานที่จัดฟันเถื่อนให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อดำเนินการกวาดล้าง ลงโทษขั้นเด็ดขาดตามกฎหมายต่อไป
          อย่าง ที่เรื่องราวข้างต้นเกี่ยวกับการดัดฟัน ลองคิดดูกันนะคะเมื่อก่อนการดัดฟัน อาจเป็นเรื่องของการจัดฟันเพื่อสุขภาพปากและฟัน แต่เดี๋ยวนี้ ดูเหมือนว่า การดัดฟันจะกลายเป็นเรื่องในทาง "แฟชั่น" ที่มีวัยรุ่น และคนวัยทำงานจำนวนมากหันมาติดฟันเหล็กกันเพื่อความโก้เก๋ เท่ จนเกิดปรากฏการณ์ "ดัดฟันแฟชั่น" ธุรกิจที่กำลังบูมมากๆ แต่กลับมีอันตรายมากเช่นกันในยามนี้

  ลองคิดดีๆนะคะจะว่าไปแล้วธุรกิจนี้ไม่มีส่วนเอี่ยวเกี่ยวกับทันตแพทย์เลยสักนิด เพราะบรรดาร้านรวงแถวลาดพร้าว ตะวันนา อนุสาวรีย์ ที่ขึ้นป้ายว่ารับ "ดัดฟันแฟชั่น" ล้วนเป็นร้านเสริมสวย สถานเสริมความงาม หรือแม้แต่ตามตลาดนัดและเปิดท้ายขายของทั่วไป ก็ยังมีลวดดัดฟันแฟชั่นจำหน่ายในราคาไม่เกินหลักร้อยขายเลย

      ไม่น่าเชื่อว่าคือธุรกิจความงามสุดอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางอยู่ในตอนนี้เพราะไม่เพียงมีการจำหน่ายอุปกรณ์จำพวก ยาง สีดัดฟันแฟชั่น ติดเขี้ยวเพชร ติดยางจัดฟันรูปดอกไม้ มิกกี้เมาส์ และเหล็กดัดฟัน ที่ไม่ได้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทางการแพทย์เลยสักนิดอย่างคึกคัก ไม่ เพียงเท่านี้ยังมีการจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง กระจายไปทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดแถมบางรายยังมีการนำเข้าเหล็กดัดฟันจากเกาหลี มาช่วยสร้างภาพความน่าสนใจให้กับวัยรุ่นคอเคด้วย
     ที่น่าตกใจก็คือ หลังจากที่ลองตรวจสอบข้อมูล ในธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ดัดฟันแฟชั่นนี้ มีการรับสอนดัดแฟชั่นด้วยเป็นวิชาชีพที่ผู้รับสอนรายหนึ่งเขาบอกว่าเรียน ง่าย ค่าเรียนแค่ 5,000 บาท (ไม่รวมอุปกรณ์) ก็สามารถไปติดเหล็กดัดฟันให้กับสาวๆ ที่อยากมีฟันเหล็กแล้ว 
     ปัญหาดังกล่าวกำลังบานปลาย การออกมาประกาศเตือนของกระทรวงสาธารณสุขในช่วงที่ผ่านมาว่า บรรดาลวดดัดฟันแฟชั่นที่วางขายทั่วไปนั้น มีลักษณะเป็น ลวดสเตนเลส หรือ ลวดที่ใช้ร้อยดอกไม้ และมีการใส่ ลูกปัดหลายสี พลาสติกยาง กากเพชร อุปกรณ์เสริมความเก๋เหล่านั้น เขาตรวจสอบพบว่ามีสารปนเปื้อนหลายชนิด เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม สารหนู และอื่นๆ หากสะสมในร่างกายในปริมาณมากจะก่อให้เกิดผลต่อไต ทำให้ไตวายถึงขั้น เสียชีวิต ได้
น่าแปลกใจกว่าคือ ในเมื่อคำสั่งก็มีออกมาแล้ว
แต่ทำไมการดัดฟันแฟชั่นจึงยังคงมีการดำเนินการกันต่อ
แถมเกิดขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสันและรุ่งเรืองมากๆ ด้วย

เราคิดว่าแค่การออกประกาศเตือน สงสัยจะไม่พอซะละมั้ง
สาวๆ คนไหนอยากอินเทรนด์ด้วยการดัดฟันแฟชั่น